การดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะค้างไว้ที่บ้าน
โปสเตอร์ คาสายสวนปัสสาวะ |
1.บีบรีดสายสวนปัสสาวะ(milking tube)ไม่ให้ตะกอนอุดสายสวน ระวังสายสวนหักพับงอ
2.แขวนถุงปัสสาวะ(Urine bag)ให้ต่ำกว่าระดับเอว ระวังไม่ให้ปัสสาวะไหลย้อนกลับ
3.กรณีฉุกเฉิน สายปัสสาวะอุดตัน ช่วงกลางคืน หรือเวลาที่ไม่สามารถเดินทางไปรพ.หรือสถานบริการได้ ผู้ป่วยปวดเบ่งปัสสาวะมาก ตึงเกร็งท้องน้อย ให้ใช้ Syringe ขนาด 3, 5 หรือ 10 cc.สวมเข้าไปทีจุกบอลลูนของสายปัสสาวะ สังเกตหัวจุกจะมีสีแดง เขียว ส้ม ตามขนาดของสาย น้ำบอลลูนจะดันออกมาเอง 8-10 cc. จนน้ำออกหมด แล้วค่อยๆถอดสายสวนออก หากไม่มีน้ำออก ลอกขยับเลื่อนสายสวนเล็กน้อย ถ้าขยับไม่ออกไม่ควรดึงสาย อาจมีตะกอนไปอุดที่ท่อน้ำบอลลูน(กรณีนี้ต้องไป รพ.ทันที)
4.ดื่มน้ำบ่อยๆ วันละ 8-10 แก้ว หรือ 2,500-3,000 cc.(กรณีผู้ป่วยไม่ได้จำกัดน้ำหรือผู้ป่วยโรคไต เป็นต้น)
5.หมั่นดูแลรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ุ หรือช่วงขับถ่ายอุจจาระ
6.โดยเฉลี่ยควรเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ เดือนละ 1 ครั้ง สำหรับผู้ป่วยติดเตียงที่นอนอยู่ที่บ้าน
ด้วยความปรารถนาดีจาก : โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาต ต.ระเวียง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์
อ้างอิงจาก : นายวัชรพงศ์ สุกใส พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
No comments:
Post a Comment