การพัฒนารูปแบบการให้บริการในคลินิกโรคเรื้อรังแบบมีส่วนร่วมและการรับบริการอย่างต่อเนื่อง
บทคัดย่อ ( Abtract )
ประเทศไทยได้พัฒนาระบบบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี โดยมีการ กระจายไปสู่ระดับตำบลทั่วประเทศและมีโรงพยาบาลชุมชน
เกือบทุกอำเภอ ทั้งนี้ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ความต้องการบริการสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนและโครงสร้างของประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป
ประกอบกับการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังเพิ่มมากขึ้นส่งผลต่อรอบระยะเวลา การรอคอยรับบริการในโรงพยาบาลมากขึ้นด้วย
ซึ่งระดับ CUP โรงพยาบาลรัตนบุรีเองมีระยะเวลาการรอคอยรับบริการมากกว่า
4 ชั่วโมง ทำให้ผู้มารับบริการรอนาน มีความแออัด
ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยบางรายไม่อยากมารับบริการ ทำให้ขาดยา ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิตได้ตามเกณฑ์
จึงมีการเพิ่มเครือข่ายบริการสุขภาพสู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และมีการจัดบริการเชิงรุกเพื่อ “ส่งเสริมสุขภาพ”
โดยมีการพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขเพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรังในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงและเน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนควบคู่กับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีให้มีความทันสมัยและลดภาระการติดตามแก่ผู้ให้บริการ
การให้บริการในเชิงรุก เป็นการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการพึ่งตนเองของประชาชน
และการมีส่วนร่วมในการจัดการกับสภาวะสุขภาพของตนเอง บุคคลในครอบครัวและของชุมชน
ตามชุดสิทธิประโยชน์ที่ประชาชนทุกคนควรจะได้รับขั้นพื้นฐาน
การจัดบริการส่งเสริมสุขภาพ โดยการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานจัดกิจกรรมการให้บริการในวันคลินิกโรคเรื้อรังร่วมกับการดูแลแบบองค์รวมทั้งจากรูปแบบที่พัฒนาขึ้นโดยการประชุมกลุ่มระหว่างผู้ป่วยเรื้อรัง
ผู้ดูแล ทีม อสม.ร่วมกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านซาตโดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผสมผสานในการนำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อมาตรวจตามนัด ความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม ลดปัญหาในการเดินทางสำหรับผู้สูงอายุเพื่อให้มารับยาอย่างต่อเนื่อง
การบริการเชิงรุกที่เข้าถึงทุกพื้นที่จากอสม.ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพและการจัดทำแผนผังชื่อผู้ป่วยที่
อสม.ต้องดูแลรับผิดชอบอย่างครอบคลุม ทำให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังมีความต้องการมารับยาในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้านเพิ่มขึ้น
กระตุ้นให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังดูแลตนเองมากยิ่งขึ้นสำหรับกลุ่มที่ยังรับยาในโรงพยาบาลชุมชนเพราะต้องการมารับยาใกล้บ้านสำหรับกลุ่มที่ควบคุมโรคได้ดี
โดยประชากรผู้ป่วยโรคเรื้อรังในเขตรับผิดชอบ ระหว่างตุลาคม 2554-เมษายน 2556 ที่มารับยาในเครือข่ายปฐมภูมิ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านซาต จำนวน 57 ราย คิดเป็นร้อยละ
44.18 ของผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงทั้งหมด พบว่า
หลังดำเนินการตามรูปแบบ ผู้ป่วยมีอัตราการเข้ารับบริการเพิ่มขึ้น การมารับยาตามนัดเพิ่มขึ้น
เนื่องจากผู้ป่วยเรื้อรังเห็นความสำคัญและพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการบริการ
โดยยึดปัญหาผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง แล้วกำหนดแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ อสม. ผู้ป่วย และผู้ดูแล อีกทั้ง
อสม.มีทักษะในการทำงานเพิ่มขึ้น
ชุมชนให้ความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน มีการนัดตรวจเดือนละ
1 ครั้ง ประเมินภาวะแทรกซ้อนผู้ป่วยโรคเรื้อรังตามเกณฑ์มาตรฐาน และการเยี่ยมบ้านอย่างต่อเนื่องโดยทีมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาตและอาสาสมัครสาธารณสุข
คำสำคัญ
- การพัฒนารูปแบบการดำเนินงาน หมายถึง
วิธีการกระบวนการใหม่ที่ทำให้ระบบการทำงานดีขึ้นมากกว่าเดิม
-
ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หมายถึง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือ
เบาหวานร่วมกับความดันโลหิตสูงที่รพ.รัตนบุรี
ส่งต่อมารับยาที่ รพ.สต.
- การรับบริการอย่างต่อเนื่อง หมายถึง
การมารับยาตามนัด ไม่ขาดยาของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
-
ศักยภาพ อสม. หมายถึง อสม.มีทักษะในการทำงานเพิ่มมากขึ้น
บทนำ ( Introduction )
สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรังในประเทศไทย จากข้อมูลสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่าโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
มีอัตราผู้ป่วยในต่อแสนประชากรในภาพรวมของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดทุกปี ซึ่งรายงานว่าอัตราผู้ป่วยในต่อแสนประชากร
ช่วงปี 2540
-2550 ป่วยด้วยโรคเบาหวานจาก 148.7 เป็น 654 และมีแนวโน้มอัตราตายต่อแสนประชากรเพิ่มขึ้นช่วงปี 2541-2550
คือ โรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า ค่ารักษาโรคแต่ละโรคตั้งแต่ 10,000-100,000 บาทต่อคนต่อปี นับว่าเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุข
ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ระบุว่าในปี 2548 ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคเรื้อรัง
35 ล้านคน หรือร้อยละ 60 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด
58 ล้านคน และหากไม่เร่งแก้ไข คาดว่าในปี 2558 จะมีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 หรือประมาณ
41 ล้านคน
ประเทศไทยได้พัฒนาระบบบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิเป็นระยะเวลากว่า
30 ปี โดยมี การกระจายไปสู่ระดับตำบลทั่วประเทศและมีโรงพยาบาลชุมชน
เกือบทุกอำเภอ ทั้งนี้ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ความต้องการบริการสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนและโครงสร้างของประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป
ประกอบกับการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อรอบระยะเวลาการรอคอยรับบริการในโรงพยาบาลมากขึ้นด้วย
ซึ่งระดับ CUP โรงพยาบาลรัตนบุรีเองมีระยะเวลาการรอคอยรับบริการมากกว่า
4 ชั่วโมง ทำให้ผู้มารับบริการรอนาน มีความแออัด
ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยบางรายไม่อยากมารับบริการ ทำให้ขาดยา
ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิตได้ตามเกณฑ์
จึงมีการเพิ่มเครือข่ายบริการสุขภาพสู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และมีการจัดบริการเชิงรุกเพื่อ “ส่งเสริมสุขภาพ”
โดยมีการพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขเพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรังในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงและเน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนควบคู่กับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีให้มีความทันสมัยและลดภาระการติดตามแก่ผู้ให้บริการ
การให้บริการเชิงรุก เป็นการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการพึ่งตนเองของประชาชน
และการมีส่วนร่วมในการจัดการกับสภาวะสุขภาพของตนเอง บุคคลในครอบครัวและของชุมชน
ตามชุดสิทธิประโยชน์ที่ประชาชนทุกคนควรจะได้รับขั้นพื้นฐาน
การจัดบริการส่งเสริมสุขภาพ โดยการจัดบริการการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังในคลินิกบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
บ้านซาต เป็นการจัดบริการตามชุดสิทธิประโยชน์ที่เน้นการดูแลผู้รับบริการ(
ผู้ป่วยเรื้อรัง) และครอบครัวอย่างเป็นองค์รวมและต่อเนื่อง
เพื่อทำความรู้จักและเข้าใจสภาพปัญหา วิถีชีวิตของผู้รับบริการและครอบครัว
นอกจากนี้ยังมีการจัดบริการการดูแลสุขภาพต่อเนื่องที่บ้าน (Home Ward - Home Care)
ทำให้ผู้ป่วยมีความอบอุ่นที่ได้อยู่กับครอบครัว
ลดภาระและความวิตกกังวลของครอบครัวสามารถดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วย เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาล ทำให้ผู้รับบริการมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น
สถานีอนามัยบ้านซาตได้รับการยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในปี
2553 ซึ่งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมีจุดเน้นที่สำคัญประการหนึ่ง คือ
การให้บริการเชิงรุกด้านการรักษาพยาบาล การปฏิบัติงานจะเน้นการสร้างความร่วมมือกับชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ประชาชน ในการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง โดยการจัดระบบการรับส่ง การจัดบริการด้านอาหาร การติดตามและแจ้งเตือนผู้ป่วยเพื่อมารับบริการตามนัด
การกำกับดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังโดยทีม อสม. ลดค่าใช้จ่ายในครอบครัว ลดภาระและความวิตกกังวลของครอบครัวในดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง
เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาล ทำให้ผู้รับบริการมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น
รวมทั้งลดภาระทั้งของครอบครัว
และสถานบริการในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาปัญหาของผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มารับบริการในคลินิกโรคเรื้อรัง
2.เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการแก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรังอย่างเหมาะสม
3.เพื่อให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังมารับบริการอย่างต่อเนื่อง
4.เพื่อพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขให้สามารถดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่บ้านได้
ระเบียบวิธีการวิจัย
เป็นการวิจัยแบบปฏิบัติการ(
Action Research ) โดยการกำหนดรูปแบบดังนี้
1. การกำหนดปัญหาในการปฏิบัติงาน
2. การแสวงหาลู่ทางในการแก้ปัญหา
3. การใช้วิธีการต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหา
4. การบันทึกรายละเอียดผลการปฏิบัติงาน
5. การสรุปและเสนอผลการแก้ปัญหา
ด้วยการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานและการจัดกิจกรรมในวันคลินิกโรคเรื้อรังโดยการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและญาติ
ชุมชน องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น อสม.ร่วมกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
บ้านซาต ผู้วิจัยได้ดำเนินการทดลองจัดกิจกรรมในการให้บริการในคลินิกโรคเรื้อรัง และให้บริการระหว่างวันที่
1 มกราคม
2556 – 31 มีนาคม 2556
กลุ่มเป้าหมาย
ประชากร
คือ กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง(ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ) ในเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
บ้านซาต
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. สมุดคู่มือประจำตัวผู้ป่วยประเมินความต่อเนื่องในการรับบริการและผลการรักษา
2. ทะเบียนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
3. แบบสอบถาม
4. แบบประเมินความพึงพอใจต่อรูปแบบการดำเนินงานการให้บริการในคลินิกโรคเรื้อรัง
ขั้นตอนการดำเนินงาน
มี 4 ขั้นตอน
1.
การวางแผนในการแก้ปัญหา( Planning)
ประชุมเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังเพื่อร่วมศึกษาปัญหาและวิเคราะห์ข้อมูลการเข้าถึงการรับบริการของผู้ป่วยเรื้อรังในหน่วยบริการที่รับผิดชอบ
วิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาที่มีผลต่อการมารับยาของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
เป็นเพศชายทั้งหมด 4 คน (20 %) เพศหญิง 16 คน (80
%) อายุอยู่ในระหว่าง 48-91 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวาน 5 คน
(25 %) ความดันโลหิตสูง 10 คน (50
%) เบาหวานร่วมกับความดันโลหิตสูง 5 คน (25
%) ระยะทางจากบ้านถึง รพ.สต. ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 1-2 กิโลเมตร (60 %) และการเดินทางมารับยาส่วนใหญ่ญาติขับรถมาส่ง
16 คน (80 %)
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมารับยาน้อยกว่า 50 บาท (75 %) การรับประทานยาสม่ำเสมอ 19 คน (95 %) สาเหตุที่ทำให้รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ จากการลืมกินยา 8 คน (40 %)
และสาเหตุที่มาไม่ตรงนัดส่วนใหญ่เกิดจากลืมวันนัด จำนวน 9 คน
(45 %) มีความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน เฉลี่ย 8 คะแนน (25 %) ดังตาราง
ตารางที่ 1
Statistics
ตารางที่ 2
ตารางที่ 3
ตารางที่ 4
ตารางที่ 5
ตารางที่ 6
ตารางที่ 7
ตารางที่ 8
ตารางที่ 9
ตารางที่ 10
ตารางที่ 11
จากตารางที่
1-
11 สามารถวิเคราะห์ปัญหาและปัจจัยเสี่ยงที่เกิดกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มารับบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
บ้านซาต ดังนี้
1.ผู้ป่วยโรคเรื้อรังส่วนใหญ่ เป็นผู้สูงอายุ คิดเป็นร้อยละ 80 ส่งผลให้การเดินทางมารับยาต้องมีญาติขับรถมาส่ง ร้อยละ 80 แสดงถึงการเดิน การเคลื่อนไหวร่างกายค่อนข้างลำบากสำหรับผู้สูงอายุ
2.ส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 50 และเบาหวาน
ร้อยละ 25
3.ระยะทางจากบ้านถึงรพ.สต. อยู่ระหว่าง
1-2 กม.
คิดเป็นร้อยละ 60 และมากกว่า 5 กม. คิดเป็นร้อยละ 10
4.สาเหตุที่รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ จากลืมกินยา คิดเป็นร้อยละ 40 รองลงมาคือ ยาหมดก่อนนัด
คิดเป็นร้อยละ 5
5.สาเหตุที่มาไม่ตรงวันนัด จากลืมวันนัด คิดเป็นร้อยละ 45 รองลงมา คือ ไม่มีญาตินำส่ง คิดเป็นร้อยละ 15
2.
การปฏิบัติ ( Do )
โดยการออกแบบกิจกรรมในการดำเนินงานการพัฒนารูปแบบการให้บริการโดยจัดรูปแบบกิจกรรมในการให้บริการสอดคล้องกับปัญหา
ดังนี้
ด้านการสนับสนุน
-
บริการรถมาตามนัดรับ
– ส่ง
-
บริการอาหารเพื่อสุขภาพ
-
บริการแจ้งเตือนวันนัดหรือติดตามเมื่อไม่มาตามนัดผ่าน
SMS
-
บริการติดตามเยี่ยมโดยเจ้าหน้าที่ร่วมกับ
อสม.
-
ความพึงพอใจของผู้ป่วยเรื้อรัง/ญาติ
และเจ้าหน้าที่ อสม.
ด้านการให้บริการ
1. แพทย์ : ให้บริการตรวจรักษาตามกลุ่มโรค
consult เมื่อผู้ป่วยมีภาวะผิดปกติ ทางโทรศัพท์ teleconference
หรือเมื่อผู้ป่วยได้รับการส่งต่อตามแบบ บสต.8
2. พยาบาล :
ตรวจประเมินอาการ เจาะเลือด ภาวะแทรกซ้อน/จ่ายยา
คีย์ยาก่อนถึงวันนัดที่รพ.รัตนบุรี ให้สุขศึกษา
3. เภสัชกร : จัดยา, check ยา, จ่ายยาก่อนกลับบ้าน
4 เจ้าพนักงานสาธารณสุข
: เจาะเลือด/ตรวจร่างกาย
5.พนักงานผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย : คัดกรองผู้ป่วย คีย์ข้อมูลให้บริการ
6.เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล
: ซักประวัติบันทึกข้อมูล ติดตามผู้ป่วยมารับยาตามนัดระบบ SMS
7.ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย : พาผู้ป่วยออกกำลังกาย /ให้บริการด้านแพทย์แผนไทย
8.พนักงานขับรถ
: รับส่งผู้ป่วยไปกลับ
9.อสม. : จัดทำอาหารตามเมนู /ค้น family folder /คัดกรองผู้ป่วย
ด้านงบประมาณสนับสนุนกิจกรรม:ประชุมคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
บ้านซาต ในการจัดสรรงบประมาณและทำประชาคมระดมเงินจากเงินบำรุง รพ.สต. กองทุนหลักประกันสุขภาพ อบต.ระเวียง ผู้มีจิตศรัทธา พร้อมทั้งชี้แจงแนวทางการดำเนินการในวันคลินิกโรคเรื้อรัง
งบประมาณที่ใช้จ่าย ค่าจ้างเหมารถรับส่ง (รถยนต์,รถจักรยานยนต์พ่วง) 700 บาท/เดือน
ค่าอาหารสำหรับผู้ป่วย 500 บาท/เดือน
ค่าข้อความแจ้งเตือนก่อนวันนัด 535 บาท/เดือน
รวมทั้งสิ้น
1,735 บาท/เดือน
ขั้นดำเนินการ
ขั้นเตรียม
1. ประชุมอาสาสมัครสาธารณสุข
เพื่อจัดตารางเวรการปฏิบัติงานในสถานบริการเพื่อพัฒนาศักยภาพทักษะของ อสม. ในการคัดกรองสุขภาพ
ซักประวัติ วัดความดันโลหิต ทำแผล การใช้เครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น วันละ 2 คน โดยการกำกับดูแลจากพยาบาลวิชาชีพ
2.
ชี้แจงรายชื่อผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ได้รับการส่งตัวมารับยาต่อเนื่องที่
รพ.สต.และระบุ อสม.ที่มีหน้าที่รับผิดชอบกำกับดูแลให้ชัดเจนพร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อทั้งของ
อสม.และผู้ป่วย
3. ติดต่อซื้อโปรแกรม
ส่ง SMS (Thaibulksms) https://frontend.thaibulksms.com/ พร้อมทั้งตั้งค่า
Login และเบอร์ติดต่อของ อสม. และผู้ป่วยหรือญาติในระบบ
ต้องมีการเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ต หรือติดตั้ง app store ผ่านมือถือ ส่งข้อความแจ้งเตือน อสม.และผู้ป่วยก่อนวันนัดรับยา
1 วัน ตั้งเวลาส่งเพื่อให้ระบบส่งตามเวลาที่กำหนดได้
4.
ผู้นำชุมชนหรืออสม.ประชาสัมพันธ์เสียงตามสายของแต่ละหมู่บ้านหลังจากได้รับข้อความเพื่อกำหนดจุดที่รถบริการมาตามนัดจะไปรับพร้อมรายชื่อผู้ป่วยที่จะไปรับ
ใน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านปลาเดิด บ้านก้านเหลือง
บ้านหนองหว้า ระยะทางไปกลับประมาณ 12 กิโลเมตร ส่วนอีก 2 หมู่บ้าน บ้านซาตหมู่ 3 และ 10 ระยะทางใกล้ 1-2 กิโลเมตร ใช้จักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่ง โดยสอบถามความสมัครใจของผู้ป่วย โดยมีตารางการให้บริการเดือนละ
1 ครั้ง และถ่ายเอกสารแผนวันนัดล่วงหน้าแก่ อสม.ให้รับทราบด้วย
5.จัดเมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : กำหนดเมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังโดยจ้างเหมา อสม. ทำอาหารเดือนละ 1
ครั้งเพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วย
3. การตรวจสอบผลการดำเนินงาน(Check )
ขั้นประเมินผล
ตารางที่ 12
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่างรูปแบบใหม่และรูปแบบเก่า เชิงเนื้อหา(ด้านกิจกรรม)
การจัดกิจกรรม
|
การดำเนินงานโดยใช้รูปแบบเดิมในปีที่ผ่านมา
|
การดำเนินการโดยการพัฒนารูปแบบในปีปัจจุบัน
|
ผลลัพธ์
|
1.การเข้ารับบริการโดยแพทย์หรือพยาบาลเวชปฏิบัติตรวจรักษา
|
ผู้ป่วยเรื้อรังไปรับยาที่
โรงพยาบาลรัตนบุรี
หน่วยบริการปฐมภูมิ
(รพ.สต.บ้านซาต)
|
ผู้ป่วยเรื้อรังมารับยาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
บ้านซาต
พยาบาลวิชาชีพ ไปคีย์และรับยา
ที่รพ.รัตนบุรีเดือนละ
1 ครั้ง
|
ผู้ป่วยมารับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ
92
|
2.มีรถรับส่ง
|
ผู้ป่วยเรื้อรังไปรับยา
โดยเดินทางไปเองหรือญาติไปส่งที่โรงพยาบาลรัตนบุรี
|
มีรถรับส่งผู้ป่วยเรื้อรังมารับยา
ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาตทั้งไปและกลับ
|
ลดค่าใช้จ่าย
และภาระในการดูแลของครอบครัว มาตามนัด
|
3.มีอาหารบริการ
|
ไม่มีอาหารบริการซื้อรับประทานเอง
หรือห่อจากบ้านไปรับประทาน
|
มีอาหารให้บริการตามเมนูสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง(
ลด หวานมัน และเค็ม )
|
ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการและเหมาะสมตามกลุ่มโรค
ไม่มีโวยวายหรือบ่นหิวในกลุ่มที่งดน้ำ-อาหารมาเจาะเลือด
|
4.SMS แจ้งเตือนก่อนวันนัด/วันที่ไม่มารับยา
|
แจ้งที่สมุดบันทึกโรคประจำตัวหรือบัตรนัด
|
แจ้งผ่าน
SMS
ออนไลน์ถึงมือถือผู้ป่วยหรือผู้ดูแล สามารถตั้งเวลาแจ้งเตือน,อสม.ติดตามหลังจากได้รับSMS ร่วมด้วย
|
มาตามนัดเพิ่มขึ้น
เป็นร้อยละ 98.24 จากเดิมร้อยละ 55 ไม่ลืมวันนัด
|
5.พัฒนาศักยภาพ อสม.ก่อนลงเยี่ยมบ้าน
|
อสม.ลงเยี่ยมบ้านขาดทักษะในการให้บริการด้านสุขภาพ
|
อสม.ฝึกทักษะในสถานบริการก่อนปฏิบัติงานจริง
มีทักษะลงเยี่ยมบ้านพร้อมกับเจ้าหน้าที่
|
อสม.มีความเชี่ยวชาญ ผู้ป่วยพึงพอใจ การดูแลเข้าถึงทุกพื้นที่ ทดแทนบุคลากร
|
6.มีทีมดูแล
|
มีญาติเท่านั้น
|
มีญาติ/ชุมชน/อสม./อปท.
ทีมสหวิชาชีพในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
บ้านซาตมีการให้สุขศึกษา
|
ผู้ป่วยมีความอบอุ่นและไว้วางใจในการให้บริการในวันคลินิกโรคเรื้อรัง
|
4. ปรับปรุงแก้ไขส่วนที่มีปัญหา(Action )
คือการปรับปรุงแก้ไขส่วนที่มีปัญหาหรือถ้าไม่มีปัญหาใดๆก็ยอมรับแนวทางการปฏิบัติตามแผนงานที่ได้ผลสำเร็จเพื่อนำไปใช้ในการทำงานครั้งต่อไปเมื่อได้แผนงาน
(P) นำไปปฏิบัติ (D) ระหว่างปฏิบัติก็ดำเนินการตรวจสอบ(C)
พบปัญหาก็ทำการแก้ไขหรือปรับปรุง (A) การปรับปรุงก็เริ่มจากการวางแผนก่อน
วนไปเรื่อยๆ จึงเรียกวงจร PDCA
การวิเคราะห์ข้อมูล
1.
เชิงคุณภาพ ได้แก่
บันทึกการสังเกตจากการเยี่ยมบ้าน
ใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อความ
2. เชิงปริมาณ ได้แก่ อัตราการเข้ารับบริการ
ใช้สถิติเชิงพรรณนาด้วยค่าแจกแจงความถี่, ร้อยละ
ผลการวิจัย
1.การขาดนัดของผู้ป่วยโรคเรื้อรังเปรียบเทียบก่อนและหลังการพัฒนารูปแบบการให้บริการจากเดิม
ร้อยละ 7.01 ลดเป็น ร้อยละ 1.78
2.ไม่มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นจากเดิม ร้อยละ
3.5
3.ระบบการให้บริการผู้ป่วยเรื้อรังในสถานบริการสามารถดำเนินการได้โดยทีมสหวิชาชีพและการมีส่วนร่วมของชุมชนทำให้รูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีมาตรฐานสามารถปรับใช้ในเครือข่ายหน่วยบริการอื่นได้
4.ในผู้ป่วยเบาหวานระดับ HbA1c < 7 เพิ่มขึ้นจากเดิม ร้อยละ 83.33 เป็น ร้อยละ 91.66
5.ผู้ป่วยเรื้อรัง ญาติ ผู้ให้บริการ ชุมชน
มีความพึงพอใจในระบบการให้บริการผู้ป่วยเรื้อรังในสถานบริการคิดเป็น ร้อยละ98
6.อสม.ได้รับการพัฒนาตนเองและความรู้อยู่เสมอ
7.ผู้ป่วยเดินทางมารับบริการได้สะดวก
ลดภาระของบุคคลในครอบครัว
8.ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารที่เหมาะสมกับโรค
รสจืด
ผลการดำเนินงาน
จากรูปแบบการพัฒนาการดำเนินงานจัดกิจกรรมการให้บริการในวันคลินิกโรคเรื้อรังร่วมกับการดูแลแบบองค์รวมทั้งจากรูปแบบที่พัฒนาขึ้นโดยการประชุมกลุ่มระหว่างผู้ป่วยเรื้อรัง
ผู้ดูแล ทีม อสม.ร่วมกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านซาตโดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผสมผสานในการนำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อการมาตรวจตามนัด ความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมลดปัญหาในการเดินทางสำหรับผู้สูงอายุเพื่อให้มารับยาอย่างต่อเนื่อง
การบริการเชิงรุกที่เข้าถึงทุกพื้นที่จากอสม.ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพและการระบุชื่อผู้ป่วยที่ต้องดูแลรับผิดชอบอย่างครอบคลุม
ทำให้ความต้องการมารับยาในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้านเพิ่มขึ้น
กระตุ้นให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังดูแลตนเองมากยิ่งขึ้นสำหรับกลุ่มที่ยังรับยาในโรงพยาบาลชุมชนเพราะต้องการมารับยาใกล้บ้านสำหรับกลุ่มที่ควบคุมโรคได้ดี
ประชากรผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ระหว่างตุลาคม 2554-เมษายน 2556
ที่มารับยาในเครือข่ายปฐมภูมิ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านซาต จำนวน
57 ราย คิดเป็นร้อยละ 44.18 จากผู้ป่วยโรคเรื้อรังทั้งหมด
พบว่า หลังดำเนินการตามรูปแบบ ผู้ป่วยมีอัตราการเข้ารับบริการและมาตามนัด
เนื่องจากผู้ป่วยเรื้อรังเห็นความสำคัญและพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการบริการโดยยึดปัญหาผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางแล้วกำหนดแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วย และผู้ดูแล มีการนัดตรวจเดือนละ 1 ครั้ง
และการเยี่ยมบ้านอย่างต่อเนื่องโดยเจ้าหน้าที่พร้อมด้วย อสม.
ปัจจุบันผู้ป่วยโรคเรื้อรังในพื้นที่รับผิดชอบจำนวนทั้งหมด
129 ราย แยกเป็น เบาหวาน 39 ราย ความดันโลหิตสูง 71 ราย
และเบาหวานร่วมกับความดันโลหิตสูง 19 ราย โดย รพ.รัตนบุรี
ส่งมารับยาที่รพ.สต.บ้านซาต 57 ราย ตั้งแต่ปี 2554- เมษายน 2556
รายละเอียดดังแสดงในตารางที่ 13
จากตาราง พบว่า
จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการส่งต่อมารับยาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกๆ
ปี ตั้งแต่ ปี 2554 - 2556 คิดเป็น ร้อยละ
30.47 ,51.85 และ 44.18 ตามลำดับ เพื่อเป็นการลดความแออัด
และลดระยะรอคอยรับบริการที่นานเกินไปเมื่อไปรับยาที่ รพ.ชุมชน แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อนหลายระบบบางรายมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ
จึงมีการส่งกลับผู้ป่วยไปรับยาที่ รพ.รัตนบุรีเหมือนเดิมเพื่อติดตามอาการอย่างต่อเนื่องและพบแพทย์
ตาราง
3
ผลการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานในคลินิกบริการเฉพาะผู้ป่วยที่มารับยาที่
รพ.สต.บ้านซาต(เชิงคุณภาพ) ปีงบประมาณ 2556
ผลการดำเนินงานหลังการพัฒนารูปแบบการให้บริการในคลินิกผู้ป่วยโรคเรื้อรังแสดงได้ดังตาราง
อภิปรายผลการวิจัย
( Discusson )
การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานจัดกิจกรรมการให้บริการในวันคลินิกโรคเรื้อรังแบบมีส่วนร่วมและการมารับบริการอย่างต่อเนื่อง
โดยมีการค้นหาสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมารับบริการไม่ตรงนัด
สาเหตุที่รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ เมื่อพบสาเหตุเกิดจากการลืมวันนัด
หรือไม่มีผู้นำส่งเพราะส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ ร้อยละ 80 การเคลื่อนไหวร่างกายค่อนข้างลำบาก จึงค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหาโดยนำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารส่งข้อความไปยังมือถือเพื่อเตือนให้มารับบริการก่อนถึงวันนัด
1 วัน
พร้อมจัดบริการรถรับส่งสำหรับหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
ควบคู่กับการกำกับติดตามโดย อสม.ที่ได้รับการฝึกทักษะในการดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะแทรกซ้อน
เพื่อให้การติดตามเยี่ยมบ้านและมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เป็นรูปแบบที่ดีเหมาะสมกับกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังทั้งนี้
เนื่องจากผู้ป่วยให้ความร่วมมือเห็นความสำคัญในการมารับบริการและรับยาตามนัด
พร้อมทั้งได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการทุกปีรวมทั้งการประเมินภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยและเป็นการเฝ้าระวังภัยสุขภาพโดยการประเมินผลจากห้องปฏิบัติการและการเข้ากลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่
ทำให้เป็นการดำเนินงานเป็นรูปธรรมชัดเจน และผู้ป่วยเรื้อรัง ได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นรายบุคคลโดยยึดปัญหาของผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง
แล้วกำหนดแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วย
และผู้ดูแล อสม. มีการนัดตรวจเดือนละ 1 ครั้ง พร้อมกับรับยาที่ได้รับการจัดตรวจเช็คจากเภสัชกรเพื่อลดความผิดพลาดด้านยาที่อาจเกิดขึ้น
และยังมีบริการด้านอาหารที่เพิ่มความพึงพอใจแก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่เข้ามารับบริการ
ดั้งนั้นการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานการให้บริการผู้ป่วยเรื้อรัง ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
บ้านซาต อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์นั้น ดีกว่ารูปแบบการดำเนินงานที่ผ่านมา
โดยดูจากอัตราการเข้ารับบริการในวันคลินิกโรคเรื้อรัง(เชิงปริมาณ) เชิงคุณภาพและจากการติดตามดูพฤติกรรม
สุขภาพและค่าระดับพึงพอใจต่อการดำเนินงานตามกิจกรรม ทำให้ลดภาวะแทรกซ้อนจากการป่วยเป็นโรค
ลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งการใช้ทรัพยากรบุคคล
งบประมาณ ที่อยู่ในพื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุดส่งผลให้การดำเนินงานมีคุณภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ข้อเสนอแนะเพื่อการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์
1. สำหรับพื้นที่วิจัยคือผู้ป่วยเรื้อรังได้รับการบริการอย่างทั่วถึงและครอบคลุม
2. ควรจัดงบประมาณในการดูแลด้านกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด
3.ควรจัดสรรบุคลากรที่สำคัญด้านสาธารณสุขในการดูแลผู้ป่วย
โดยเฉพาะแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยที่ชุมชนให้สามารถลงตรวจรักษาครบทุก รพ.สต. อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
4.สำหรับสถานีอนามัยอื่น ๆ
ที่ต้องการนำรูปที่พัฒนาแล้วไปประยุกต์ใช้ได้กับผู้ป่วย ผู้ป่วยกลุ่มเรื้อรังและผู้ที่รับบริการที่ไม่สามารถมารับบริการได้ด้วยตนเองและขาดการดูแลจากชุมชนและญาติให้ได้รับการบริการอย่างทั่วถึงต่อไป
5.ระบบการติดตามผู้ป่วยเพื่อให้มารับบริการอย่างต่อเนื่อง
โดยการส่งข้อความสามารถกำหนดช่วงเวลาส่งได้ ช่วยลดปัญหาภาระงานของเจ้าหน้าที่ได้
และสามารถประยุกต์ไปปรับใช้กับงานอื่นได้ เช่น การนัดเด็กมารับวัคซีน
6.การแจ้งเตือนข้อความผ่านมือถือ
หากผู้ป่วยไม่สามารถเปิดข้อความอ่านได้จากใช้เทคโนโลยีไม่เป็นหรือสายตาที่ไม่ชัดเจน
ควรให้ผู้ดูแลช่วยเหลือหรือใช้วิธีส่งแบบข้อความเสียงและวนข้อความซ้ำ2-3 รอบสำหรับผู้สูงอายุโดยการตั้งค่าโทรศัพท์ของผู้ป่วยที่รองรับฟังก์ชั่นดังกล่าว
7.ระบบ
SMS บางเบอร์ไม่ได้รับข้อความ ติด Anti-spam แจ้งเจ้าของเบอร์ติดต่อ call center เปิดรับบริการข้อความประชาสัมพันธ์
ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยต่อไป
1.การทำวิจัยในเรื่องเดิมควรทำเป็นการวิจัยเพื่อพัฒนางานอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ดีสามารถดำเนินการได้จริงระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
2.การทำวิจัยในเรื่องใหม่ ควร
ประยุกต์แนวทางและวิธีการที่ได้ดำเนินการไปในการวิจัยครั้งนี้ขยายผลการวัดความสำเร็จให้ครอบคลุมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ขยายกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็ก 0-5 ปี ที่มารับวัคซีน เจาะลึกเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการลืมกินยา
เพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อความชัดเจนของผลการดำเนินงานต่อไป
กิตติกรรมประกาศ
งานวิจัยนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีจากการแนะนำที่ถูกต้องและแก้ไขข้อบกพร่องขอขอบคุณคณะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรัตนบุรี
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกท่านและอสม.
ที่ให้กำลังใจและให้คำปรึกษาและให้การช่วยเหลือในการดำเนินการวิจัยเป็นอย่างดีมาตลอด
และกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังทุกท่านที่ได้ให้ความร่วมมือและให้โอกาสและสนับสนุนในครั้งนี้
ระบบการติดตามผู้ป่วยโรคเรื้อรังเพื่อมารับยาตามนัดโดยย่อ
1.ลงทะเบียนผู้ป่วยที่ได้รับการส่งต่อจาก
รพ. ถ่ายเอกสารรายละเอียดจากสมุดประจำตัว
2.ขอเบอร์มือถือเพื่อติดต่อ
3.แจ้ง อสม.ที่ต้องกำกับดูแลรับผิดชอบ
4.ลงทะเบียนเบอร์ในระบบออนไลน์ https://frontend.thaibulksms.com/
5.ล็อกอิน
6.เพิ่มกลุ่มรายชื่อ
ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
7.ทดสอบระบบส่งข้อความ
8.ถ้า ผ่าน รอรับแจ้งเตือนข้อความก่อนวันนัดรับยาต่อไป
ไม่ผ่าน
แจ้งผู้ป่วยขอเปิดใช้บริการรับข่าวสารประชาสัมพันธ์จากศูนย์ให้บริการโทรศัพท์แต่ละเครือข่าย
และทดสอบระบบอีกครั้ง